วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 18:20:37 น. มติชนออนไลน์

“วินมอไซค์-วิทยุชุมชน”ทยอยรายงานตัว “ศอฉ.”แล้ว ยังไร้เงานักการเมือง-นักธุรกิจ เผยมีอดีตขรก.ติดโผด้วย

ส.ส.เพื่อไทย บุกเอ็นบีที-ไทยพีบีเอส ขอเวลาออกอากาศชี้แจงเกี่ยวกับการสลายการชุมนุม ปัด “ศอฉ.” ไม่ส่งคนเข้าไปชี้แจง แต่ให้ทนายทำหนังสือแทนต้องการให้ชี้แจงเรื่องอะไร

จาก กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ลงนามคำสั่งเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม หรือให้การสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง จำนวน 54 รายชื่อ มารายงานตัวในวันที่ 16 เมษายนนี้ และวันที่ 17 เมษายน ภายใต้เหตุผลที่หลากหลาย ตามข้อกำหนด พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ศอฉ.เผยคนตามรายชื่อทยอย รายงานตัว มีอดีตขรก.ติดบัญชีด้วย

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) กล่าวเมื่อวันที่ 16 เมษายน ถึงความคืบหน้าในการที่ประชาชน ซึ่งมีชื่อในรายชื่อให้เข้ารายการงานตัวกับศอฉ. ว่า วันที่ 16 เมษายนนี้ พบว่ามีมารายงานตัวบ้าง ทั้งนี้ รายชื่อทั้งหมดที่เรียกมารายงานตัวมีประมาณ 54 คน ซึ่งประกอบด้วยบุคคลหลากหลายไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง อดีตข้าราชการ หรือนักธุรกิจ แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพราะอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเลยเวลาการเข้ารายงายตัวแล้ว อาจเปิดเผยชื่อได้บางส่วน

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่ ขณะที่วันนี้มีคนทยอยมารายงานตัวบางส่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้กำหนดวันเส้นตายไว้อย่างชัดเจน แต่จะดูไปตามความเหมาะสม คาดว่าน่าจะประมาณ 2 – 3 วัน

“วินมอไซค์-วิทยุ ชุมชน”ทยอยรายงานตัว “ศอฉ.”

เมื่อช่วง บ่ายที่ผ่านมา พบกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างและเจ้าของวิทยุชุมชน จำนวน 21 คนเข้ามารายงานตัว โดยทั้งหมดเข้าให้การกับเจ้าหน้าที่ทหารของ ศอฉ. ก่อนให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ซึ่งข้อมูลทั้งหมดถูกปิดเป็นความลับ ส่วนบุคคลที่เหลืออีก 30 คนที่ยังไม่เข้ารายงานตัว รวมถึงนักการเมืองทั้ง 3 คน ซึ่งศอฉ.กำหนดระยะเวลาในการเข้ารายงานตัว หากไม่เดินทางมาตามเวลากำหนด จะดำเนินการออกหมายจับภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เพื่อไทยบอกปัด “ศอฉ.” ไม่ส่งคนเข้าไปชี้แจง แต่ให้ทนายทำหนังสือแทน

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์  นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ศอฉ.โดยนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.กการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 11(2) ออกคำสั่งเรียกบุคคลที่เป็นนักการเมืองและนักธุรกิจจำนวนประมาณ 60 คน เพื่อมารายงานตัวต่อ ศอฉ. ว่า  ผู้ใหญ่ของ พรรคและทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้ประชุมหารือกัน โดยเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องทางการเมือง เป็นการใช้อำนาจโดยไม่สุจริตและบิดเบือน ผู้ที่ได้รับหนังสือของ ศอฉ. จึงต้องมาพิจารณาดูว่าสมควรหรือไม่ที่จะต้องไปยอมรับอำนาจดังกล่าว เพราะลักษณะการใช้อำนาจเหมือนกับประเทศอยู่ ในภาวะของการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเป็นการใช้อำนาจอย่างอำเภอใจ ใช้อย่างไรกับใครก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม ในส่วนของสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ได้รับหนังสือ ก็จะให้ทนายความดำเนินเพื่อทราบประเด็นว่า ศอ ฉ.ต้องการให้ชี้แจงเรื่องอะไร หลังจากนั้นก็จะส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือให้ทราบ โดยจะไม่ไปชี้แจงด้วยตนเอง เพราะเห็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าวเป็นเพียงเกมการเมืองของรัฐบาล เพื่อต้องการสร้างข่าว และทำลายคู่แข่งทางการเมือง โดยหวังผลในการทำลายขวัญกำลังใจของผู้ชุมนุม


“พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และ กรรมการ ศอฉ.ทุกคน ยุติการใช้อำนาจตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และควรยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้แล้ว เพื่อให้สังคมกลับคืนสู่ความสงบสุขต่อไป เพราะถึงประกาศใช้ก็ไม่สามารถบังคับได้ เนื่องจากการใช้กฎหมายดังกล่าวไม่เป็นธรรมกับบางฝ่าย และนับวันจะเพิ่มความขัดแย้งรุนแรงบานปลายออกไป”นายพร้อมพงศ์กล่าว

ข่าวสารจาก

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1271403186&grpid=10&catid=01