มาร์คโผล่แล้ว ยันมาตรการที่ใช้ตอนนี้เป็นหนทางเดียว


วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20:27 น. ข่าวสดออนไลน์
มาร์คโผล่แล้ว ยันมาตรการที่ใช้ตอนนี้เป็นหนทางเดียว
บีบยุติการชุมนุม-บ้านเมืองจึงสงบสุข

เมื่อเวลา 20.20 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เป็นการปรากฏตัวครั้งแรก หลังเกิดเหตุนองเลือดติดต่อมาเป็นวันที่ 3

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 2 วันที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์มากมาย ในพื้นที่รอบราชประสงค์ มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียใจ ตนและผู้เกี่ยวข้องไม่อยากเห็นเหตุการณ์ ที่มีความขัดแย้ง รุนแรงเช่นนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ศอฉ.แถลงให้เข้าใจมากขึ้น ว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร

แนวคิดที่รัฐบาลดำเนินอยู่ขณะนี้ ต้องการให้ความสงบสุขคืนสู่สังคม ตลอด 2 เดือน เดิมเป็นการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง ทางรัฐบาลอดทนอดกลั้นและพยายามแสวงหาทางออก ถูกปฏิเสธ แต่รัฐบาลก็พยายามนำไปสู่ความปรองดอง แต่ขณะนี้ การชุมนุมเกิดขึ้นพร้อมการกระทำของผู้ติดอาวุธ ทำร้ายประชาชนแม้แต่ผู้ชุมนุมด้วยกันเอง ทำให้เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติหน้าที่

การที่ผู้ชุมนุมปฏิเสธแผนการปรองดองนั้น น่าผิดหวัง น่าเสียใจ เพราะเป็นไปตามความประสงค์ของคนกลุ่มเล็กๆ ที่ต้องการให้เกิดสงครามกลางเมือง เอาชีวิตของชีวิตประชาชนเป็นเครื่องต่อรอง เมื่อแผนปรองดองถูกปฏิเสธ รัฐบาลจึงพยายามกระชับวงล้อมของที่ชุมนุม ตัดบริการพื้นฐานต่างๆ เพื่อกดดันให้ยุติการชุมนุม

เมื่อดำเนินการในลักษณะนี้ จึงจำเป็นต้องตั้งด่านรอบการชุมนุม ยังไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตั้งด่าน กลับถูกทำร้าย จึงต้องป้องกันตนเองและตอบโต้ โดยทำไปตามมาตรการป้องกันความสูญเสีย

ตนยืนยันว่า สิ่งที่ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่สามารถปล่อยให้มีคนจัดตั้งกองกำลังแล้วมาล้มล้างรัฐบาลที่ไม่พอใจ รัฐบาลจำเป็นต้องเดินหน้า เพราะกำลังทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในการคืนความเป็นปกติสุข เป็นนิติรัฐอย่างแท้จริง ตนไม่ต้องการให้หยิบยกให้นำความสูญเสียที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง เพราะนั่นไม่ใช่ข้อเท็จจริง แนวทางนี้เป็นแนวทางเดียวที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้ หากไปใช้วิธีการอื่น จะทำให้เหตุการณ์ยืดเยื้อและส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ การเมือง จึงขอความร่วมมือจากประชาชน

ก่อนหน้านี้ พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสธ.ทบ.พร้อมด้วย พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผบ.เหตุการณ์ พล.ต.กัปนาท รุดดิษฐ์ ผบ.พล.1 รอ. พล.ต.อุทิศ สุนทร ผบ.พล.ร.9 พล.ต.สุรศักดิ์ บุญศิริ ผบ.พล.ม.2 รอ.และพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารในระหว่างวันที่ 13-15 พ.ค.

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ทาง ศอฉ.ขอแสดงความเสียใจต่อญาติครอบครัวผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บทุกราย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ศอฉ.พยายามอย่างยิ่งที่จะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อให้ยุติการชุมนุม โดยหลีกเลี่ยงความรุนแรง แต่ธรรมดาในการรักษาความสงบที่ต้องเผชิญกับกองกำลังติดอาวุธที่แฝงอยู่ในผู้ ชุมนุม นั้น เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงสูญเสียได้

การเสียชีวิตอาจเกิดได้ใน 4 กรณี คือ

1.เกิดจากการทำร้ายกันเอง เพราะจะเห็นว่า การ์ดนปช.มีความขัดแย้งกัน ซึ่งเป็นการสูญเสียเนื่องจากการยิงอาวุธสงคราม ปืนเล็กยาว เอ็ม 79 ลูกระเบิดขว้าง ประทัดยักษ์

2.เกิดจากกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุม

3.เกิดจากการที่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และไม่พอใจกลุ่มนปช.จึงออกมาทำร้ายผู้ชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ตามขั้นตอน

4. ไม่ปฏิเสธว่า กรณีที่มีการพยายามเคลื่อนเข้ากดดันด่านต่างๆ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้ลูกซองยิงไปที่พื้น บังคับกรวยกระสุนให้ตกลงที่ต่ำ เพื่อหยุดยั้งกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เข้ามาประชิดตัวเจ้าหน้าที่ ซึ่งทั้ง 4 กรณีอาจส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ส่วนนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ในฐานะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ (ศอฉ.) แถลงข่าวว่า ขณะนี้มีข้อมูลสำคัญ เรื่องการดำเนินคดีผู้เข้าร่วมการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ จับกุมเมื่อวานนี้ และในวันนี้ศาลแขวงปทุมวัน ได้พิพากษาลงโทษทั้ง 27 คนที่เข้าร่วมการชุมนุม โดยศาลได้พิพากษาลงโทษหนักที่สุดตามพรก.ฉุกเฉิน 2548 มาตรา 18 ให้จำคุก 1 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ตนในฐานะกรรมการศอฉ.ขอย้ำว่า ไม่ควรร่วมการชุมนุมและขอให้ช่วยเตือนญาติหรือคนผู้ใกล้ชิดว่าไม่ควรเข้า ร่วมและหากยังเข้าร่วมการชุมนุมก็ให้เลิกเสีย เนื่องจากศาลได้ลงโทษหนักขึ้นตามลำดับ